ภูมิแพ้ ผื่นแพ้เรื้อรัง

โรคที่เกี่ยวข้องกับผื่นผิวหนัง

โรคผื่นผิวหนังอักเสบ (Eczema）
โรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง (Atopic Dermatitis）
โรคเซ็บเดิร์ม (Seborrheic Dermatitis)
โรคผื่นผิวหนังอักเสบชนิดตุ่มน้ำ (Dyshidrotic Eczema)
โรคผื่นแพ้สัมผัส (Allergic Contact Dermatitis)
โรคผื่นระคายสัมผัส (Irritant Contact Dermatitis)
โรคผื่นลมพิษ (Urticaria)
โรคสะเก็ดเงิน (Psoriasis)

"สาเหตุของการเกิดโรค"
ในปัจจุบันยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัดที่ก่อให้เกิดอาการผื่นผิวหนังข้างต้น แต่เป็นผลของกลไกที่หลากหลาย เช่น

"สาเหตุของการเกิดโรค"
ในปัจจุบันยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัดที่ก่อให้เกิดอาการ ผื่นผิวหนังข้างต้น แต่เป็นผลของกลไกที่หลากหลาย เช่น

ความผิดปกติของโครงสร้างผิวหนังชั้นบน (Epidermal Barrier Dysfunction)
ปัจจัยทางพันธุกรรม (Genetic Factors)
การทำงานทำงานของภูมิคุ้มกันที่ผิดเพี้ยน (Immune Dysregulation and Inflammation)
การเปลี่ยนแปลงของจุลินทรีย์บนผิวหนังที่ผิดเพี้ยน (Alteration of Skin Microbiome)
การกระตุ้นการอักเสบของผิวหนังที่มาจากภายนอก (Environmental Triggers)
ปฏิสัมพันธ์ระหว่างระบบประสาทและระบบภูมิคุ้มกัน (Neuroimmune Interactions)

ด้วยสาเหตุและกลไกที่หลายหลายเช่นนี้เอง ทำให้คนที่มีกลุ่มอาการผื่นทางผิวหนังมีการแสดงออกของโรคที่หลากหลาย

ความผิดปกติของโครงสร้างผิวหนังชั้นบน (Epidermal Barrier Dysfunction)
ปัจจัยทางพันธุกรรม (Genetic Factors)
การทำงานทำงานของภูมิคุ้มกันที่ผิดเพี้ยน (Immune Dysregulation and Inflammation)
การเปลี่ยนแปลงของจุลินทรีย์บนผิวหนังที่ผิดเพี้ยน (Alteration of Skin Microbiome)
การกระตุ้นการอักเสบของผิวหนังที่มาจากภายนอก (Environmental Triggers)
ปฏิสัมพันธ์ระหว่างระบบประสาทและระบบภูมิคุ้มกัน (Neuroimmune Interactions)

ปัจจุบันในทางการแพทย์เริ่มมีการศึกษามากขึ้นเกี่ยวกับปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับการเกิดของผื่นผิวหนังต่างๆ เช่น

จุลินทรีย์ในลำใส้เสียสมดุล

ระบบย่อยและการขับถ่าย

อาหารบางชนิดที่กระตุ้นให้เกิดการอักเสบ

ดื่มแอลกอฮอล์

ฮอร์โมนเสียสมดุล

ความเครียดทางอารมณ์

ลักษณะอาการของโรคเป็นอย่างไร

ผื่น นูนแดง
ผิวแห้ง
อาการคันเรื้อรัง
ผิวตกสะเก็ด เป็นขุย
อาการไม่หายขาด (เป็นๆ หายๆ)
มีตุ่มน้ำเหลือง หรือตุ่มหนอง
น้ำเหลืองไหล
ผิวหนาคล้ำหากเป็นมานาน

บริเวณและอาการของผื่นจะมีความหลากหลายขึ้นอยู่กับชนิดโรคและปัจจัยการเกิดโรคของแต่ละบุคคล

การรักษาในปัจจุบัน

ยาทากลุ่มสเตียรอยด์ เช่น Clobetasol Propionate, Mometasone Furoate, Betamethasone Dipropionate, Triamcinolone จะช่วยลดการอักเสบ และอาการคัน เมื่อผื่นหายแล้วต้องหยุดยา ไม่ควรซื้อยาสเตียรอยด์มาทาเอง เพราะจะมีผลข้างเคียงในระยะยาว (ผิวหนังจะบางลง สีผิวจางลงบริเวณที่ทา มีจ้ำเลือด สิว)
ยาทากลุ่ม Calcineurin Inhibitors เช่น Tacrolimus มีฤทธิ์ในการกดระบบภูมิคุ้มกันที่ชั้นผิวหนัง และเป็นทางเลือกในการรักษาทดแทนยาทากลุ่มสเตียรอยด์
ยาสเตียรอยด์ชนิดฉีดหรือรับประทานและยากดภูมิคุ้มกัน ในกรณีที่มีอาการรุนแรงมาก
ยากลุ่ม Monoclonal Antibody
ยาแก้แพ้แบบรับประทาน
การรักษาด้วยการฉายแสงอัลตราไวโอเลต (Phototherapy) เป็นทางเลือกในการรักษาในกรณีที่มีอาการรุนแรง